Search

"จ่าเฉย"ตำรวจน้ำดี..ร่วมทุจริต!! - เดลีนีวส์

matasblogs.blogspot.com

ผมนั้นมีที่ดินอยู่แปลงหนึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดนครปฐม ผมซื้อเอาไว้ตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ตอนที่ซื้อนั้นที่แปลงนี้เป็นเพียงที่สวนมะนาวเก่าค่อนข้างรกร้าง เส้นทางที่เข้าถึงเป็นถนนดินลูกรังแคบ ๆ แต่ในวันนี้สภาพแวดล้อมแถบนั้นพัฒนาขึ้นมาก ที่ดินผมมีถนนลาดยางอย่างดีตัดผ่าน มูลค่าก็อัพขึ้นมาหลายเท่าตัว แล้วยิ่ง ๆ แว่ว ๆ ว่า รัฐบาลมีแผนสร้างสนามบินแห่งใหม่ใกล้ ๆ อีกด้วย จึงถือว่าคิดไม่ผิดที่กัดฟันซื้อเอาไว้

โชคชะตาที่มาได้ที่ดินแปลงนี้ก็แรกเริ่มเพราะผมชอบปลูกต้นไม้ ก็เลยอยากทำสวนควบคู่ไปกับงานราชการ มองไปที่การทำสวนมะนาว เพราะในช่วงนั้นมะนาวหน้าแล้งราคาสูงมาก (ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้น ) ผมก็เลยวางแผนหาที่ดินราคาไม่แพง ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เพื่อทำสวนมะนาว

แล้วบังเอิญว่าขณะที่เข้าเวรพนักงานสอบสวน มีเหตุรถบรรทุกสิบล้อเกิดอุบัติเหตุ เจ้าของรถสิบล้อเป็นกำนันอยู่ที่นครปฐม ผมก็เลยถาม ๆ แกไป วันหนึ่งแกก็ส่งข่าวมาว่า มีคนแถวบ้านแกจะขายสวนมะนาว การซื้อขายก็เป็นไปตามขั้นตอน ผมชำระส่วนหนึ่งให้เจ้าของที่ ส่วนที่เหลือก็ จดจำนองกับธนาคาร เป็นหนี้ก้อนใหญ่ก้อนแรก ก็ทยอยผ่อนชำระมาเรื่อย จนตอนนี้สถานภาพเป็นไทเรียบร้อย

ตอนนั้นผมก็รู้สึกว่าตัวโชคดีที่ได้สวนมะนาวมาเป็นของตัวเอง คำนวณแล้วว่าเดือน ๆ ต้องขายมะนาวได้เดือนละหลายหมื่นบาท แต่เอาเข้าจริงมันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะผมเคยปลูกแต่ต้นไม้ในกระถางเล็ก ๆน้อย ๆ ไม่มีความรู้การทำสวนขนาดใหญ่เลยสักนิด ซึ่งการมาทำสวนมือใหม่ ทำให้ผมพบว่า ต้นไม้เมื่อมันอยู่เดี่ยว ๆ จะดูแลง่ายกว่าการปลูกรวม ๆ กันเป็นสวนเป็นไร่ เพราะเมื่อต้นไม้มาอยู่รวม ๆ กันมันจะมีโรคระบาดและแมลงมาลง

โรคระบาดประจำพืชตระกูลส้มและมะนาว คือโรคแคงเกอร์ ซึ่งเกิดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์ แต่ฤทธิ์ของมันทำให้ผิวมะนาวไม่สวยดูเป็นขี้กราก ป้องกันและรักษาได้โดยฉีดพ่นเคมีสม่ำเสมอ เนื่องจากสวนของผมเป็นสวนเทวดาเลี้ยง ไม่มีคนดูแล เพราะตัวผมก็ไปสวนได้เฉพาะวันหยุดราชการเท่านั้น จึงเป็นแคงเกอร์ทั้งสวน

ผมเก็บมะนาวได้เป็นกระสอบ ๆ แต่ขายแล้วไม่มีใครซื้อ เลยต้องแจก ๆ ไป สุดท้ายก็ปล่อยร่วงชาวบ้านมาเก็บไปกินมั่งก็ปล่อย ๆ เขา สุดท้ายผมก็ปล่อยทิ้งร้างไปหลายปี ในตอนนั้นรู้สึกเป็นทุกข์มากครับ เพราะต้องผ่อนธนาคารทุกเดือนกับที่ดินที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

แล้วเมื่อเกือบสิบปีก่อน ผมได้ตัดสินใจกลับมาพัฒนาที่ดินแปลงนั้นเองอีกครั้ง เพราะภรรยาได้มาทำร้านอาหารในกรุงเทพฯ จึงเกิดแนวคิดทำสวนผักปลอดสารพิษและเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ เอาผลผลิตทั้งผักและไข่ มาบริโภคเองรวมทั้งใช้ในร้านอาหารด้วย และผมยังได้ปลูกมะนาวด้วยอีกจำนวนหนึ่ง

ผมปลูก “แป้นจำรัส 28” มะนาวพันธ์ผสมของอาจารย์จำรัส คูหเจริญ ที่มีภูมิต้านทานโรคแคงเกอร์ จึงไม่ต้องใช้เคมีรักษาผิวให้สวย ในตลาดอาจไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะผลของมันมีขนาดใหญ่เกือบเท่าส้มและมีเปลือกหนาไปสักนิด ทำให้แม่ค้าพ่อค้ารู้สึกว่ามันบีบยากกว่ามะนาวแป้นทั่วไป แต่เชื่อผมเถอะถ้าจะบริโภคมะนาวปลอดสารเคมี ผมขอแนะนำให้หาติดบ้านไว้

การกลับมาทำสวนครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี เพราะผมมีความพร้อมและได้ศึกษาหาความรู้ด้านเกษตรกรรมมาแล้ว เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าจะไปให้ถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ มีแค่ความฝันมันไม่พอ คุณต้องรู้จริงถึงวิธีที่จะไปให้ถึงจุดหมายด้วย

เขียนมาตั้งเยอะยังไม่เข้าเรื่องเลยนะนี่ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ที่ผมเปิดมาเล่าเรื่องสวนไปเรื่อยเปื่อยนั้น เพราะเมื่อวันเสาร์ ผมได้เข้าสวนไปดูคนงานที่กำลังก่อสร้างร้านอาหารใหม่ ในสวนแปลงนั้น ขณะกำลังพูดคุยกับคนงานผมก็ได้ยินเสียง ปัง ๆ ๆ คล้ายเสียงปืน ดังเป็นระยะที่ด้านหน้าสวน สลับเสียงร้องตะโกน เฮ้ว ๆ เป็นระยะ

ผมก็เดินไปดู เห็นลุงคนหนึ่งยืนอยู่... อ่อ ตาลุงนี่ เปรี้ยวเหรอ มายืนยิงปืนหน้าบ้านตำรวจ....แกหันมาเห็นผมแล้วยิ้มให้...ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วครับว่าไม่ใช่เสียงปืนอะไรหรอก มันแค่เสียงประทัดไล่นก เพราะที่ดินตรงข้ามที่ผมเป็นนาข้าว ที่เพิ่งหว่านและเมล็ดกำลังงอก แน่นอนว่ามีฝูงนกพิราบพากันมากินบุฟเฟ่ต์เป็นฝูงใหญ่

ลุงแกถามผมว่ารบกวนหรือเปล่าครับ ผมบอกว่าไม่เป็นไรครับ เพราะมันก็ไม่ได้ดังมากและก็ไม่ได้บ่อยอะไร ผมชอบซะอีกที่มีที่นาผืนใหญ่ตรงนี้ เพราะทุก ๆ ปีจะได้เห็นภาพท้องนาสีเขียวสวย และช่วงก่อนก็เก็บเกี่ยวนั้นข้าวออกรวงเป็นสีเหลืองทองอร่ามงามทั้งผืน น่าจะเป็นจุดถ่าย เซลฟี่อย่างดีให้ลูกค้าร้านอาหารของผมในอนาคต

ผมแนะนำให้แกซื้อว่าวนกเหยี่ยวมาผูก เพราะเห็นใน internet ว่ามันช่วยไล่นกได้ แกบอกผมว่าเคยใช้แล้วไม่ได้เรื่องหรอก ไอ้นกพวกนี้มันฉลาด มันกลัว ๆ ไม่กี่วัน พอมันรู้ว่าไม่ใช่เหยี่ยวจริงมันก็หายกลัว

ดูนั่นสิ หุ่นไล่กาตั้งกี่ตัว มันกลัวกันที่ไหน ผมมองตามไปก็เห็นหุ่นไล่กาสองตัวกลางทุ่งนา มีนกเกาะหัว เกาะแขน เต็มไปหมด “จะวางยาเบื่อก็กลัวบาปกรรม” แกพูดต่อ ผมบอกแกว่าดีละครับ ปล่อย ๆ ไปเถอะลุง แบ่ง ๆ กันกิน

ผมนึกถึงพฤติกรรมนกไม่กลัวว่าวเหยี่ยวปลอม ไม่กลัวหุ่นไล่กา ทำให้ความคิดผมคิดถึงตำรวจใจดีที่ชื่อ “จ่าเฉย”

จ่าเฉยเป็นตำรวจหนุ่ม หุ่นสมาร์ต บึกบึน ไม่มีพุง สูงถึง 185 ซม. ขยันขันแข็ง ยืนยิ้มตากแดดตากฝนทั้งวันทั้งคืน แถมใจดีเพราะแกไม่เคยจับใครเลย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะแกเป็นหุ่นไฟเบอร์ครับ หลายท่านคงจำจ่าเฉยกันได้นะครับ

ที่มาของจ่าเฉยนั้น ย้อนไปปี 2550 เนื่องจากทางผู้บริหารโรงพยาบาลวิภาวดีและภาคเอกชน ได้ตระหนักถึง ความลำบากตรากตรำของตำรวจจราจรบนท้องถนน จึงปิ๊งไอเดียแบ่งเบาภาระหน้าที่ของตำรวจ โดยได้ร่วมลงทุนทรัพย์จัดกำลังเสริมให้กับตำรวจ โดยการสร้างกองทัพหุ่นจำลองตำรวจขึ้น มอบให้กับตำรวจนครบาล เพื่อนำไปตั้งไว้ยังจุดต่าง ๆ เช่น ถนนหนทาง ป้อมจราจร ในกรุงเทพฯ วัตถุประสงค์คือเพื่อสำหรับป้องปรามผู้ขับขี่รถไม่ให้กระทำผิดกฎจราจร อืม..ก็เป็นไอเดีย..ที่บรรเจิด

ที่ผมบอกว่า ไอเดียบรรเจิด นั้นไม่ได้เหน็บแนมนะครับ เพราะใช้ได้ผลจริง ๆ แรก ๆ ของการทำงานของจ่าเฉยก็ดูจะได้ผลดีครับ หุ่นจ่าเฉยสามารถใช้ป้องปรามผู้ขับขี่รถยนต์ที่ตั้งใจจะฝ่าฝืนกฎจราจรได้ โดยเฉพาะในยามค่ำคืน เพราะจ่าเฉยที่ยืนอยู่ที่แสงน้อย ๆ นั้นดูเหมือนตำรวจจริงๆ

เมื่อคืนก่อน..กูบิดมอไซค์ลงสะพานมาอย่างเร็ว ตำรวจแม่งยืนอยู่ กูเบรกรถเกือบคว่ำ..ไอ้ชิบหาย..ดันเป็นจ่าเฉย” เด็กแว้นวัยคะนองคนหนึ่งเล่าประสบการณ์เจอจ่าเฉยให้เพื่อนฟัง “กูยังว่า..ตำรวจเชี่ยไรวะ แม่งขยันจัง มายืนโบกรถตอนตีสอง”

พฤติกรรมของคนกับนก ก็เหมือน ๆ กัน เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ของจริง ความกลัวในตัวจ่าเฉยก็หายไป นอกจากคนจะเริ่มไม่กลัวจ่าเฉยแล้วยังมีคนร้องเรียนอีกด้วย ตำรวจจริง ๆ ร่วมมือกับจ่าเฉยทำทุจริต .. ห๊า ! ..ทำยังไงเหรอ ?

เขาบอกอย่างนี้ครับว่า “มีการใช้จ่าเฉยวางเป็นตัวล่อ” ในจุดที่ล่อแหลมต่อการกระทำผิดจราจร ผู้ขับขี่รถรู้ว่าเป็นจ่าเฉย ก็ไม่กลัว ขับรถฝ่าฝืนหน้าตาเฉย แต่แล้วก็มาจ๊ะเอ๋...กับตำรวจจริงที่แอบอยู่ข้างเสาไฟฟ้าแล้วมีการเรียกรับสินบน นี่มันวิธีการของเมาคลีที่ใช้ฆ่าแชร์คาน แท้ ๆ เชียว...

จากนั้นจ่าเฉยก็ค่อย ๆ ถูกเก็บไปจากถนนในกรุงเทพฯ แต่เนื่องจากเป็นตำรวจน้ำดีไม่มีประวัติด่างพร้อย จึงมีการขอตัวจ่าเฉยที่ยังสภาพดีไปไว้ที่จังหวัดต่าง ๆ ล่าสุดได้ยินว่าจ่าเฉยที่ไปประจำการที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้รับเลื่อนยศเป็นผู้หมวดแล้ว ก็ขอแสดงความยินดีด้วย

ส่วนตัวผมเองเคยเจอจ่าเฉย ที่ยังหลงเหลืออยู่ในกรุงเทพฯ ท่านที่ยังติดยศจ่าเหมือนเดิม แต่ต้องตกใจที่จ่าเฉยท่านนี้ได้รับการอัพเกรดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีกระถางธูปพวงมาลัยและที่ขาดไม่ได้คือขวดน้ำแดงบูชา ! ...เอ้า

...ตอนหน้าจะมาเล่าเรื่องอิทธิฤทธิ์ของจ่าเฉยกันครับ

.......................................
คอลัมน์ : Story  ผู้กองกบ
โดย : ผู้กองกบ

Let's block ads! (Why?)




August 30, 2020 at 07:30AM
https://ift.tt/2DbvQYl

"จ่าเฉย"ตำรวจน้ำดี..ร่วมทุจริต!! - เดลีนีวส์

https://ift.tt/2ABr4S3


Bagikan Berita Ini

0 Response to ""จ่าเฉย"ตำรวจน้ำดี..ร่วมทุจริต!! - เดลีนีวส์"

Post a Comment

Powered by Blogger.